อาร์เรย์ 1 มิติ
ใน Python จะมีรูปแบบดังนี้ [1,2,3,4,5,6]a = [1,2,3,4,5,6] print(a[2])
จะได้ผลลัพธ์ คือ 3 จะเห็นได้ว่าใน python จะนับอาร์เรย์ตัวที่ 1 เป็น 0 ไล่ไปเรื่อย ๆ
หากต้องการจำนวน 3 ถึง 5 ใช้คำสั่ง
print(a[2:5])
ผลลัพธ์จะได้ [3, 4, 5]
ถ้าต้องการค่าข้อมูลบนอาร์เรย์ ตามตำแหน่งคอลัมน์
print(a[5:])
จะได้ผลลัพธ์ [6]
ต่อมาเราจะเปลี่ยนค่าข้อมูลในอาร์เรย์กันครับ
เช่น a[5] จากเดิมเป็น [6] หากใช้คำสั่ง
>>a[5] = 11 >>print(a[5:]) [11]
จะเห็นได้ว่าข้อมูลใหม่จะทับข้อมูลเก่า ข้อมูลเก่าจะหายไปเป็นไปตามหลักการเก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์
หากใช้คำสั่ง print(a[:]) คือแสดงอาร์เรย์ทั้งหมดออกมา
>>> print(a[:]) [1, 2, 3, 4, 5, 11]
อาร์เรย์ 2 มิติ
อาร์เรย์ 2 มิติมีการจัดเรียงข้อมูลในแถว / คอลัมน์ สามารถเปรียบเทียบได้กับเมทริกซ์ในคณิตศาสตร์ใน Python อาร์เรย์ 2 มิติ จะมีรูปแบบเป็น [[1, 2], [3, 4]]
b = [[1, 2], [3, 4]]
ถ้าเป็นรูปแบบเมทริกซ์ในคณิตศาสตร์จะเป็น
b = [1, 2]
[3, 4]
หากต้องการดึงข้อมูลมาใช้จากอาร์เรย์ 2 มิติ ใช้คำสั่งดังนี้ เช่น
>>> b = [[1, 2], [3, 4]] >>> print(b[0][0]) 1
แถวที่ 1 หลักที่ 1 คือ 1
>>> print(b[0][1]) 2
แถวที่ 1 หลักที่ 2 คือ 2
>>> print(b[1][0]) 3
แถวที่ 2 หลักที่ 1 คือ 3
>>> print(b[1][1]) 4
แถวที่ 2 หลักที่ 2 คือ 4
หากต้องการแสดงทั้งแถวและคอลัมน์ใช้คำสั่ง
>>> print(b[0:][0:]) [[1, 2], [3, 4]]
หากต้องการเฉพาะแถวที่ 1 ใช้คำสั่ง
>>> print(b[0][0:]) [1, 2]
อาร์เรย์ 3 มิติ
มีลักษณะการใช้งานเหมือนกับที่ผ่านมา แต่มีอาร์เรย์เพิ่มอีกมิติ ตัวอย่างเช่น[[[1, 2, 3], [4, 5, 6], [7, 8, 9]],
[[10, 11, 12], [13, 14, 15], [16, 17, 18]],
[[19, 20, 21], [22, 23, 24], [25, 26, 27]]]
การนำไปใช้งาน
>>> d = [[[1, 2, 3], [4, 5, 6], [7, 8, 9]], [[10, 11, 12], [13, 14, 15], [16, 17, 18]], [[19, 20, 21], [22, 23, 24], [25, 26, 27]]] >>> d[0][1] [4, 5, 6] >>> d[0][1][2] 6
หากต้องการคำนวณมากกว่านั้น แนะนำให้ใช้โมดูล numpy แทนดีกว่าครับ
ผู้อ่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงานได้ครับ
ติดตามบทความต่อไปนะครับ
*แก้ไขครั้งที่ 1 ขอขอบคุณพี่ วอน นอน คุก ครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
เป็นตัวอย่างที่ดีมากคับเเต่ถ้ามีจำเเนกให้ดูง่ายว่า นับยังไงใน อาร์เรย์ 3 มิติ น่าจะเข้าใจง่ายขึ้นสำหรับคนที่เริ่มต้นครับ
ตอบลบ